ต้นหอมนิสซาโตะ
ต้นหอมนิสซาโตะ
※提供元:宇都宮市 経済部
หมายเลขจดทะเบียน | 35 |
---|---|
ชื่อของ GI | ต้นหอมนิสซาโตะ |
การแบ่งประเภท | ผัก ธัญพืช พัลส์ |
วันที่ลงทะเบียน | 2017/05/26 |
พื้นที่ทำการผลิต |
จังหวัดโทะชิงิ
นิสซาโตะมาจิ อุซึโนะมิยะชิ |
ติดต่อที่อยู่ | สหกรณ์ทำการผลิตต้นหอมนิสซาโตะ 1170 นิสซาโตะมาจิเฮ, อุซึโนะมิยะชิ, จังหวัดโทะชิงิ |
"ต้นหอมนิสซาโตะ" เป็นต้นหอมที่มีลักษณะโค้งงอทำการหว่านเมล็ดเพาะปลูกในครัวเรือนตั้งแต่สมัยเอโดะ (ปีค.ศ.1600-1868) ที่เมืองนิสซาโตะมาจิ, อุซึโนะมิยะชิ จังหวัดโทะชิงิ รสชาตินั้น เมื่อเปรียบเทียบกับต้นหอมเดี่ยวและต้นหอมโค้งงอโดยทั่วไปแล้ว จะมีลักษณะที่โดดเด่นคือมีความอ่อนนุ่มและรสหวานพร้อมมีความเหนียว ใบเขียวก็สวยงาม ถึงแม้จะรับประทานดิบก็มีรสเผ็ดน้อย ลักษณะรูปทรงจะแตกต่างจากต้นหอมเดี่ยวโดยทั่วไปของพื้นที่ทำการผลิตอื่นๆ ส่วนที่มีสีขาวและอ่อนนั้นจะโค้งงอคล้ายคันธนู ส่วนที่ซ้อนกันเป็นชั้นของใบนั้นแคบและซ้อนกันหลวมๆ ใบนั้นอ่อนหักง่าย มีอุโระ (ส่วนที่เป็นเจลใสๆในใบต้นหอม) อยู่ในใบจำนวนมาก
พื้นที่ทำการผลิตนี้ เป็นที่ราบที่เกิดจากการทะลายของภูเขาที่มีลักษณะดินเป็นหินเถ้าภูเขาไฟ (tuff) เป็นดินสีดำหยาบมีกรวดเล็กๆ ปะปนอยู่และมีระดับความเหนียวสูง เนื่องจากเมื่อดินแห้งหลังจากการดูดซับน้ำแล้วจะมีลักษณะแข็งแบบดินเหนียว โดยเฉพาะในอดีตนั้นดินแข็งจนไม่สามารถขุดให้ลึกด้วยการใช้จอบได้ ด้วยเหตุนี้ การปลูกเปลี่ยนครั้งที่ 2 นั้นจะขุดร่องตื้นๆ และปลูกโดยวางเอียงไปตามแนวเฉียง การทำการถมดินไปพร้อมๆ กับการเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของส่วนลำต้นสีขาว ตามลักษณะธรรมชาติของพืชนั้นจะพยายามที่จะตั้งตัวในแนวดิ่ง การถมดินและการพยายามตั้งตัวในแนวดิ่งของต้นหอมควบคู่กันไปนี้จึงทำให้ส่วนลำต้นสีขาวและอ่อนนั้นมีรูปทรงที่โค้งงอคล้ายกับคันธนูนั่นเอง
การปลูกเปลี่ยน "ต้นหอมนิสซาโตะ " จะทำ 2 ครั้ง เนื่องจากหลังจากการปลูกเปลี่ยนนั้นใบด้านนอกจะเหี่ยว ส่วนใบใหม่จะเจริญเติบโตขึ้นจากด้านใน จึงทำให้องค์ประกอบของเซลล์ใหม่นั้นมีสภาพที่อ่อน ซึ่งด้วยวิธีการดังกล่าวนี้กล่าวกันว่าทำให้ต้นหอมเกิดความเครียดจากการปลูกจากวิธีการ "ปลูกเปลี่ยน" และ "โค้งงอ" ซึ่งจะส่งผลให้ต้นหอมนิสซาโตะก็จะมีความหวานและความอ่อนเพิ่มขึ้น
ลักษณะทางภูมิประเทศนั้น เนื่องจากด้านทิศใต้มีภูเขาอยู่น้อยจึงทำให้มีเวลาที่แสงแดดส่องในตอนกลางวันนาน ซึ่งเป็นเงื่อนใขที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตในช่วงฤดูหนาว อีกทั้งยังมีลักษณะภูมิประเทศที่รับลมหนาวในช่วงฤดูหนาวจากเทือกเขานิคโคเรนซังที่จับตัวเป็นน้ำแข็งจากหิมะที่ตก อากาศอันหนาวเย็นในช่วงกลางคืนนั้นเป็นเงื่อนไขที่เพิ่มให้ต้นหอมมีความหวานเพิ่มขึ้น
ต้นหอมนิสซาโตะได้รับการคุ้มครองสายพันธุ์และกรรมวิธีการปลูกแบบดั้งเดิมไว้ที่เขตทำการผลิต ตั้งแต่การหว่านเมล็ดไปจนกระทั่งการเก็บเกี่ยวนี้มาตั้งแต่ปลายสมัยเอโดะ เดิมทีได้ทำการปลูกเพื่อการบริโภคในครัวเรือนแต่หลังจากเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ปริมาณการปลูกก็ได้เพิ่มสูงขึ้นเพื่อใช้เป็นการส่งมอบเป็นสินน้ำใจและส่งออกสู่ตลาดผักและผลไม้ ทำให้ความอร่อยของต้นหอมนิสซาโตะนั้นเป็นที่เลื่องชื่อข้ามเขต จากการที่ถูกซื้อในราคาที่สูงในสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยตรง จึงทำให้มีผู้ทำการผลิตรุ่นหนุ่มสาวนั้นเพิ่มขึ้น ปริมาณการผลิตนิสซาโตะก็เพิ่มขึ้นตามมา